คำว่า “สมาส” พจนานุกรมให้ความหมายไว้ ดังนี้
สมาส
น. การเอาศัพท์ตั้งแต่ ๒
ศัพท์ขึ้นไปมาต่อกันเป็นศัพท์เดียวตามหลักที่ได้มาจากไวยากรณ์บาลีและสันสกฤต เช่น
สุนทร + พจน์ เป็น สุนทรพจน์ รัฐ + ศาสตร์ เป็น รัฐศาสตร์ อุดม + การณ์ เป็น
อุดมการณ์. (ป., ส.).
ดังนั้น คำสมาสก็ควรจะมีความหมาย ดังนี้
คำสมาสเป็นคำที่สร้างขึ้นใหม่จากคำในภาษาไทย ที่ยืมมาจากคำในภาษาบาลีและสันสกฤต
คำที่สร้างใหม่นี้ เสียงอ่านจะต่อเนื่องกัน
หลักสังเกตคำสมาส
๑.
ต้องเป็นคำที่มาจากภาบาลีหรือสันสกฤตเท่านั้น
- ราช + การ = ราชการ
- กิจ + กรรม = กิจกรรม
- วาต + ภัย = วาตภัย
๒.
การอ่านคำสมาสจะอ่านเสียงสระเนื่องกัน
- ถาวรวัตถุ อ่านว่า ถา-วอ-ระ-วัด-ถุ
- เทพบุตร อ่านว่า เทบ-พะ-บุด
- ประวัติศาสตร์ อ่านว่า ประ-หวัด-ติ-สาด
- อุบัติเหตุ อ่านว่า อุ-บัด-ติ-เหด
๓. ความหมายหลักของคำอยู่ที่คำหลัง คำหน้าจะเป็นคำขยายความหมาย
- ราชการ หมายถึง งานของรัฐบาล
- วีรบุรุษ หมายถึง ชายที่ได้รับยกย่องว่ากล้าหาญ
- วรรณคดี หมายถึง เรื่องที่ได้รับยกย่องว่าแต่งดี
๔. คำบาลี
–สันสกฤตที่มีคำ “พระ”
ซึ่งกลายเสียงมาจากคำบาลี-สันสกฤต “วร” ถือว่าเป็นคำสมาสด้วย
เช่น พระกร พระหัตถ์
พระชงฆ์ พระคทา พระขรรค์
แต่ถ้านำหน้าภาษาอื่น ไม่นับเป็นคำสมาส
- พระเก้าอี้ - เก้าอี้ (จีน)
- พระเขนย - เขนย (เขมร)
- พระอู่ - อู่ (ไทย)
- พระขนอง - ขนอง (เขมร)
๕. คำสมาสต้องไม่ประวิสรรชนีย์ระหว่างคำ
- อิสระ + ภาพ = อิสรภาพ
- พละ + ศึกษา = พลศึกษา
- วีระ + ชน = วีรชน
๖.
คำสมาสจะตัดตัวการันต์ระหว่างคำทิ้ง
- เจดีย์ + สถาน = เจดียสถาน
- ทิพย์ + เนตร = ทิพยเนตร
- พิพิธภัณฑ์ + สถาน = พิพิธภัณฑสถาน
๗.
คำที่ลงท้ายด้วยคำว่า “ศาสตร์ กรรม
ภาพ ภัย” เป็นคำสมาส
- ศิลปศาสตร์ มนุษยศาสตร์ เวชศาสตร์
- โจรกรรม ธุรกรรม วีรกรรม
- คุณภาพ อัจฉริยภาพ สมรรถภาพ
คำว่า “สนธิ” พจนานุกรมให้ความหมายไว้ ดังนี้
สนธิ
น. ที่ต่อ, การติดต่อ; การเอาศัพท์ตั้งแต่ ๒
ศัพท์ขึ้นไปมาเชื่อมเสียงให้กลมกลืนกันตามหลักที่ได้มาจากไวยากรณ์บาลีและสันสกฤต
เช่น พจน + อนุกรม เป็นพจนานุกรมราช + อุปถัมภ์ เป็น ราชูปถัมภ์ นว + อรห + อาทิ +
คุณ เป็น นวารหาทิคุณ. (ป., ส.).
ดังนั้น คำสมาสก็ควรจะมีความหมาย ดังนี้
คำสนธิเป็นคำที่สร้างขึ้นใหม่จากคำในภาษาไทย ที่ยืมมาจากคำในภาษาบาลีและสันสกฤต
คำที่สร้างใหม่นี้ มีการเชื่อมเสียงให้กลมกลืนกัน
หลักสังเกตคำสนธิในภาษาไทย
การสนธิแบ่งเป็น
3 ประเภท คือ 1. สระสนธิ 2. พยัญชนะสนธิ 3. นฤคหิตสนธิ
1. สระสนธิ คือ การนำคำที่ลงท้ายด้วยสระไปสนธิกับคำที่ขึ้นค้นด้วยสระ
ซึ่งเมื่อสนธิแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปสระตามกฎเกณฑ์
- ตัดสระพยางค์ท้ายคำหน้า
แล้วใช้สระพยางค์หน้าคำหลัง เช่น
- ราช + อานุภาพ = ราชานุภาพ
- สาธารณ + อุปโภค = สาธารณูปโภค
- นิล + อุบล = นิลุบล
- ตัดสระพยางค์ท้ายคำหน้า
และใช้สระพยางค์ต้นของคำหลัง โดยเปลี่ยนสระพยางค์ต้นของคำหลัง
- อะ เป็น อา
- อิ เป็น เอ
- อุ เป็น อู
- อุ, อู เป็น โอ
เช่น
- พงศ + อวตาร = พงศาวตาร
- ปรม + อินทร์ = ปรเมนทร์
- มหา + อิสี = มเหสี
- เปลี่ยนสระพยางค์ท้ายของคำหน้าเป็นพยัญชนะ
คือ
- อิ อี เป็น ย
- อุ อู เป็น ว
ใช้สระพยางค์ต้นของคำหลังซึ่งอาจเปลี่ยนรูปหรือไม่เปลี่ยนรูปก็ได้
ในกรณีที่สระพยางค์ต้นของคำหลังไม่ใช่ อิ อี อุ อู อย่างสระตรงพยางค์ท้ายของคำหน้า
เช่น
- กิตติ + อากร = กิตยากร
- สามัคคี + อาจารย์ = สามัคยาจารย์
- ธนู + อาคม = ธันวาคม
คำสนธิบางคำไม่เปลี่ยนสระ
อิ อี เป็น ย แต่ตัดทิ้ง ทั้ง สระพยางค์หน้าคำหลังจะไม่มี อิ อี ด้วยกัน เช่น
- ศักดิ + อานุภาพ = ศักดานุภาพ
- ราชินี+ อุปถัมภ์ = ราชินูปถัมภ์
- หัสดี + อาภรณ์ = หัสดาภรณ์
2. พยัญชนะสนธิ
คือการเชื่อมคำด้วยพยัญชนะเป็นการเชื่อมเสียง
พยัญชนะในพยางค์ท้ายของคำแรกกับเสียงพยัญชนะหรือสระในพยางค์แรก ของคำหลัง เช่น
-สนธิเข้าด้วยวิธี
โลโป คือลบพยางค์สุดท้ายของคำหน้าทิ้ง เช่น
- นิรส + ภัย = นิรภัย
- ทุรส + พล = ทุรพล
- อายุรส + แพทย์ = อายุรแพทย์
-สนธิเข้าด้วยวิธี
อาเสโท คือแปลงพยัญชนะท้ายของคำหน้า เป็นสระ โอ แล้วสนธิตามปกติ เช่น
- มนส + ภาพ = มโนภาพ
- ยสส + ธร = ยโสธร
- รหส + ฐาน = รโหฐาน
3. นฤคหิตสนธิ คือ
การเชื่อมคำด้วยนฤคหิต เป็นการเชื่อมเมื่อพยางค์หลังของคำแรกเป็นนฤคหิตกับเสียงสระในพยางค์แรกของคำหลัง
มี 3 วิธี คือ
1. นฤคหิตสนธิกับสระ
ให้เปลี่ยนนฤคหิตเป็น ม แล้วสนธิกัน เช่น
- สํ + อาคม = สม + อาคม = สมาคม
- สํ + อุทัย = สม + อุทัย = สมุทัย
2. นฤคหิตสนธิกับพยัญชนะของวรรค
ให้เปลี่ยนนฤคหิตเป็นพยัญชนะตัวสุดท้ายของพยัญชนะในแต่ละวรรค ได้แก่
- วรรคกะ เป็น ง
- วรรคจะ เป็น ญ
- วรรคตะ เป็น น
- วรรคฏะ เป็น ณ
- วรรคปะ เป็น ม
เช่น
- สํ + จร = สญ + จร = สัญจร
- สํ + นิบาต = สน + นิบาต = สันนิบาต
3. วรรคกะ
เป็นสนธิกับพยัญชนะเศษวรรค ให้เปลี่ยนนฤคหิต เป็น ง เช่น
- สํ + สาร = สงสาร
- สํ + หรณ์ = สังหรณ์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น